คุณยังไม่มีสินค้าในรถเข็น
วิธีรับมือและป้องกันกับอากาศร้อนๆ
25/4/2019 09:08
ตอนนี้ประเทศไทยกำลังเผชิญหน้ากับความร้อนของสภาพอากาศ โดยเฉพาะช่วงประมาณกลางเดือนกุมพาพันธ์ไปจนถึงกลางเดือนพฤษภาคมซึ่งเป็นฤดูร้อน อาจส่งผลกระทบต่อทารก ผู้สูงอายุ ตลอดจนผู้ที่ชอบออกกำลังกายหรือต้องทำงานกลางแจ้ง และอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพหรืออาการต่าง ๆ ของโรคประจำตัวกำเริบขึ้นมาได้
ผลกระทบจากอากาศร้อน
การเผชิญกับสภาพอากาศที่ร้อนจัดเป็นเวลานานจะทำให้ร่างกายส่งเลือดไปเลี้ยงตามผิวหนังเพื่อคลายความร้อน ส่งผลให้เลือดไปเลี้ยงสมอง กล้ามเนื้อ รวมถึงอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายไม่เพียงพอ จึงมีผลต่อความแข็งแรงของร่างกายและสภาพจิตใจ ทั้งยังทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมาได้ ดังนี้
ตะคริวแดด มักเกิดขึ้นกับผู้ที่ออกกำลังกายอย่างหนักจนทำให้เหงื่อออกมาก รวมถึงผู้ที่เผชิญกับอากาศร้อนประมาณ 32-40 องศาเซลเซียส ทำให้ร่างกายสูญเสียของเหลวและเกลือแร่ในปริมาณมาก โดยเฉพาะโซเดียม โพแทสเซียม แคลเซียม และแมกนีเซียม ส่งผลให้กล้ามเนื้อบริเวณน่อง ต้นขา และไหล่ มีอาการหดเกร็งหรือเป็นตะคริวได้
อาการเพลียแดดเกิดขึ้นเมื่อร่างกายสูญเสียเหงื่อปริมาณมาก อย่างผู้ที่ทำงานหรือออกกำลังกายอย่างหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งมักเกิดขึ้นกับผู้ที่เผชิญกับสภาพอากาศร้อนประมาณ 40-54 องศาเซลเซียส ซึ่งการสูญเสียของเหลวในร่างกายในปริมาณมากจะส่งผลต่อการไหลเวียนเลือด ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองน้อยลง ทำให้รู้สึกวิงเวียน สับสน เมื่อยล้า ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน เหงื่อออกมาก หัวใจเต้นเร็ว ผิวซีด เป็นลม หรือมีการปวดบีบที่กล้ามเนื้อ
โรคลมแดด เป็นภาวะที่ร่างกายมีอุณหภูมิสูงเกินไปจากการเผชิญกับอาการร้อนจัดเป็นเวลานาน โดยเฉพาะการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูงตั้งแต่ 54 องศาเซลเซียสขึ้นไปโดยที่ร่างกายไม่สามารถระบายความร้อนได้ตามปกติ ส่งผลให้อุณหภูมิในร่างกายขึ้นสูงถึง 40 องศาเซลเซียส ร่างกายไม่ขับเหงื่อ ผิวแดง ผิวแห้งและร้อน แต่หากเป็นโรคลมแดดที่เกิดจากการออกกำลังกาย ผิวจะมีความชื้นอยู่เล็กน้อย และจะมีอาการ เช่น เป็นตะคริว หายใจถี่ หัวใจเต้นเร็ว ปวดศีรษะตุบ ๆ คลื่นไส้ อาเจียน วิงเวียน หน้ามืด เป็นลม สับสนมึนงง กระสับกระส่าย หงุดหงิด พูดไม่ชัด มีอาการเพ้อ ไม่สามารถทรงตัวได้ มีพฤติกรรมหรือการรับรู้สติเปลี่ยนแปลงไป เป็นต้น ทั้งนี้ อาการของโรคลมแดดเกิดขึ้นได้ในทันทีโดยไม่มีสัญญาณเตือน และอาการที่เกิดขึ้นจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล เมื่อเกิดอาการควรได้รับการรักษาในทันที เพราะอาจส่งผลกระทบที่รุนแรง และอาจเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายแก่ชีวิตได้
ผดร้อน อากาศร้อนชื้นเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลให้ต่อมเหงื่ออุดตันจนร่างกายไม่สามารถขับเหงื่อออกมาทางผิวหนังได้ตามปกติ จนทำให้เกิดการอักเสบและมีผื่นคัน โดยเฉพาะบริเวณข้อพับ ขาหนีบ รวมถึงผิวหนังที่มีการเสียดสีกับเสื้อผ้า หากผดร้อนมีอาการรุนแรง อาจทำให้แสบตามผิวหนัง ผิวบวมแดง เกิดการติดเชื้อร่วมกับมีหนอง และอาจมีไข้ ต่อมน้ำเหลืองโตที่รักแร้ คอ หรือขาหนีบร่วมด้วย
วิธีรับมือเมื่อเผชิญกับอากาศร้อน
อากาศร้อนและเหตุฉุกเฉินที่ควรไปพบแพทย์
ขอบคุณข้อมูลจาก www.pobpad.com